top of page
ผู้หญิงยิ้มระหว่�างทำงาน

คำถามที่พบบ่อย

ถาม.png
ถาม.png
ถาม.png
ถาม.png
ถาม.png

Anti-Aging คืออะไร?

Anti-aging มาจากศาสตร์การแพทย์แขนงใหม่ คือ  Anti-aging and Regenerative medicine มีจุดเริ่มต้นมาจากฝั่งยุโรปและสหรัฐอเมริกา

เป็นแนวทางการรักษาเชิงป้องกัน (Preventive Medicine) คือ การดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ต่างๆ เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคมะเร็ง เป็นต้น สำหรับภาษาไทยจะคุ้นหูกันดีในชื่อ “เวชศาสตร์ชะลอวัย”

Anti-aging เป็นแนวทางการใช้ชีวิตเพื่อให้ร่างกายมีสุขภาพแข็งแรงสมวัย แต่ละวัยจะมีแนวทาง Anti-aging  ที่ไม่เหมือน กัน เช่น วัยเด็กจะเน้น

ด้านโภชนาการอาหาร พัฒนาการเจริญเติบโต ในขณะที่วัยผู้ใหญ่ หรือวัยผู้สูงอายุ จะเฝ้าระวังในเรื่องของโรคภัยไข้เจ็บและโรคเรื้อรังมากกว่า

 

จุดมุ่งหมายหลักของ Anti-Aging        

1. การชะลอความเสื่อมที่อาจจะเกิดขึ้นก่อนวัยอันควร ได้แก่ จากความผิดปกติของฮอร์โมนการรับประทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์ ความเครียดสะสม

   จากการทำงาน และการนอนหลับพักผ่อน   ไม่เพียงพอ เป็นต้น

2.การรักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงอย่างสม่ำเสมอ ยกตัวอย่างเช่น แพทย์จะให้คำแนะนำในการปฏิบัติตัวเกี่ยวกับการใช้ชีวิตในด้านต่าง ๆ เช่น โภชนาการที่เหมาะสมในแต่ละบุคคล การเสริมวิตามินเฉพาะบุคคลเพื่อเสริมสารอาหารที่ร่างกายขาดไป หรือการรักษาน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ออกกำลังกายให้เหมาะสมกับร่างกาย เป็นต้น  ทุกคนสามารถทำ Anti-aging ได้ด้วยตัวเอง เช่น หลีกเลี่ยงพฤติกรรมสุขภาพต่างๆ ที่ทำให้เกิดอนุมูลอิสระ (Free Radical) ซึ่งเป็นโมเลกุลขนาดเล็กที่ไม่เสถียร เมื่อมีจำนวนมากเกินไปจะสร้างความเสียหายต่อส่วนประกอบของเซลล์ เช่น ดีเอ็นเอ โปรตีน รวมถึงเยื่อหุ้มเซลล์ จึงเป็นสาเหตุของการเกิดโรคต่าง ๆ เช่น โรคมะเร็ง โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน เป็นต้น การลดอนุมูลอิสระที่กล่าวมาทำได้โดยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

 

เวชศาสตร์ชะลอวัยเหมาะกับใครบ้าง?

เวชศาสตร์ชะลอวัยเหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย ตั้งแต่เด็ก วัยรุ่น วัยผู้ใหญ่ จนกระทั่งถึงวัยผู้สูงอายุ โดยในแต่ละช่วงวัยจะให้ความสำคัญในการตรวจไม่เหมือนกัน แต่มีจุดมุ่งหมายเดียวกัน คือ การมีสุขภาพร่างกายแข็งแรงสมวัย

  1. วัยเด็ก ตรวจทางด้านโภชนาการ ภูมิแพ้อาหาร และพัฒนาการเจริญเติบโตตามวัย

  2. วัยรุ่น ตรวจความผิดปกติของฮอร์โมน เช่น ในเพศหญิงจะนิยมตรวจในกรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับประจำเดือนมาไม่ปกติ

  3. วัยผู้ใหญ่ เป็นวัยที่ให้ความสนใจในด้านเวชศาสตร์ชะลอวัยมากที่สุด ผู้หญิงจะนิยมตรวจเรื่อง อาการ PMS (Premenstrual Syndrome) ก่อนประจำเดือน การควบคุมน้ำหนัก การดูแลผิวพรรณ ในขณะที่ผู้ชายจะไม่ค่อยนิยมเข้าพบแพทย์เวชศาสตร์ชะลอวัยมากนัก แต่ปัญหาส่วนใหญ่ที่พบในกลุ่มเพศชาย คือ สุขภาพทางเพศ แต่อาการที่คนวัยนี้เป็นกันมาก คือ อาการเหนื่อยล้า อ่อนเพลียเรื้อรัง (Chronic fatigue Syndrome/Burnout syndrome) นั่นเอง

  4. วัยผู้สูงอายุ ตรวจระดับฮอร์โมน สารอาหารที่จำเป็น ความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง และโรคเรื้อรังต่างๆ

 

ศัตรูสำคัญที่ทำให้ร่างกายเกิดความเสื่อม

การอักเสบ (Inflammation) เป็นกระบวนการของร่างกาย ที่เกี่ยวข้องกับเม็ดเลือดขาวและสารอื่น ๆ ในร่างกาย จะเข้ามาทำการฟื้นฟูและซ่อมแซมส่วนที่บาดเจ็บ หรือสึกหรอ หากเป็นแบบเฉียบพลัน เราเรียกกระบวนการนี้ว่า Acute Inflammation แต่เมื่อร่างกายเกิดกระบวนการดังกล่าวบ่อยครั้งและเป็นเรื้อรังเข้าจะนำไปสู่การะบวนการที่เรียกว่า การอักเสบเรื้อรัง (Chronic Inflammation) ซึ่งเป็นสาเหตุของความเสื่อมของร่างกายนั่นเอง

- AGE : Advanced Glycation End products เป็นหนึ่งในสารอักเสบที่รู้จักกันดี พบในอาหารจำพวกปิ้งย่าง โปรตีนจากเนื้อแดง อาหารที่มีคอลเลสเตอรอลสูง หรือของหวานที่มีน้ำตาลสูง เป็นต้น เมื่อรับประทานเข้าไปเป็นประจำ สารดังกล่าวจะกระตุ้นให้ร่างกายสร้างสารอักเสบออกมาเป็นจำนวนมากจนกลายเป็นการอักเสบเรื้อรัง (Chronic Inflammation)

- การรับประทานอาหารที่มากเกินไปจนทำให้ร่างกายต้องใช้พลังงานในการเผาผลาญมาก ก็นับเป็นหนึ่งในสาเหตุการเสื่อมของร่างกายเช่นกัน

- ภาวะฮอร์โมนตกก่อนวัยอันควร เช่น ภาวะต่อมหมวกไตล้า ทำให้การสร้างฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) หรือที่เรียกว่า ฮอร์โมนความเครียดผิดปกติ ซึ่งฮอร์โมนคอร์ติซอลเป็นตัวการต่อสู้กับความเครียด เมื่อไม่มีตัวการจัดการจึงทำให้เกิดความเครียดสะสม ส่งผลให้นอนไม่ค่อยหลับ รับประทานอาหารได้น้อยลง ระบบเผาผลาญแย่ลง มีอาการอ่อนเพลียเรื้อรัง หรือภูมิคุ้มกันตกลงจนป่วยได้ง่าย ซึ่งเป็นสัญญาณที่แสดงให้เห็นว่า ร่างกายกำลังมีปัญหา

 

วิธีการชะลอวัยด้วยตนเอง

รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น อาหารประเภท Real Foods เป็นอาหารที่ยังไม่ผ่านการปรุงแต่ง หรือปรุงแต่งน้อยเพื่อจะได้รับสารอาหารเต็มที่ ผักออร์แกนิก ไขมันดีจากถั่วเปลือกแข็งต่างๆ เช่น อัลมอนด์ วอลนัท ถั่วลิสง ผลอะโวคาโด น้ำมันมะกอก ปลาแซลมอน ส่วนโปรตีนดี ได้จากเนื้อ นม  ไข่ ไก่ เต้าหู้ ปลา เนยถั่ว เป็นต้น

- หลีกเลี่ยงสารที่ทำให้เกิดอนุมูลอิสระซึ่งมาจากมลภาวะทางอากาศ ฝุ่น ควัน แสงแดด รังสี UV การรับประทานอาหารปิ้งย่าง โปรตีนจำพวกเนื้อแดง และการนอนหลับไม่เพียงพอ เป็นต้น

- ออกกำลังกายเป็นประจำ นอกจากจะทำให้ร่างกายที่แข็งแรงแล้ว ยังช่วยให้ร่างกายหลั่งสารเอนโดฟิน (Endophins) หรือที่เรียกกันว่า “สารความสุข” ทำให้ลดความเครียดลง ร่างกายกระฉับกระเฉงยิ่งขึ้น และทำให้นอนหลับง่ายอีกด้วย

- ฝึกจัดการกับความเครียดให้เหมาะสม เพราะความเครียดสามารถส่งผลกระทบต่อการทำงานของสารเคมีในสมองได้ หากร่างกายมีความเครียดสะสมมากเกินไปจนทำให้เกิดภาวะผิดปกติในร่างกาย เช่น ส่งผลต่อระบบการทำงานของกระเพาะอาการ หรือมีอาการปวดหัว จำเป็นต้องเข้าไปพบแพทย์เฉพาะทาง เพราะอาจนำไปสู่การเกิดภาวะซึมเศร้าได้

Anti-aging เป็นลักษณะการใช้ชีวิตเพื่อให้ร่างกายมีสุขภาพแข็งแรงสมวัยปราศจากโรคภัยไข้เจ็บเป็นเรื่องที่ทุกคนสามารถทำได้ด้วยตัวเอง

image.png

ที่มาของข้อมูล

  1. Rapamycin has anti-aging effect on human skin. Medical News Today. (https://www.medicalnewstoday.com/articles/327150)

  2. Anti-aging and longevity. National Institute on Aging. (https://www.nia.nih.gov/health/topics/anti-aging-and-longevity)

  3. Skin Care Ingredients With Anti-Aging Effects. WebMD. (https://www.webmd.com/beauty/ss/slideshow-anti-aging-ingredients)

Anti Ageing Lab Copyright©2024 

bottom of page